เมนู

โภชนวรรค สิกขาบทที่ 3


เรื่องบุรุษเข็ญใจ


[486] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคาร
ศาลา ป่ามหาวัน เขตพระนครเวสาลี ครั้งนั้น ประชาชนได้จัดทั้งลำดับ
ภัตตาหารอัน ประณีตไว้ นพระนครเวสาลี คราวนั้น กรรมกรเข็ญใจคนหนึ่ง
ดำริว่า ทานนี้จักไม่เป็นกุศลเล็กน้อย เพราะประชาชนพวกนี้ทำภัตตาหารโดย
เคารพ ผิฉะนั้น เราควรทำภัตตาหารบ้าง ดังนั้นเขาจึงเข้าไปหานายกิรปติกะ
บอกความจำนงว่า คุณครับ กระผมปรารถนาจะทำภัตตาหารถวายภิกษุสงฆ์มี
พระพุทธเจ้าเป็นประมุข ขอท่านโปรดให้ค่าจ้างแก่กระผม แม้นายกิรปติกะนั้น
ก็เป็นคนมีศรัทธาเลื่อมใส เขาจึงได้ให้ค่าจ้างแก่กรรมกรเข็ญใจนั้นเกินปกติ
ฝ่ายกรรมกรเข็ญใจนั้น ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายบังคมแล้วนั่ง
ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลอาราธนาว่า ขอพระองค์พร้อม
ด้วยภิกษุสงฆ์ ทรงพระกรุณาโปรดรับภัตตาหารของข้าพระพุทธเจ้า เพื่อ
เจริญบุญกุศลและปีติปราโมทย์ ในวันพรุ่งนี้ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่นัก เธอจงทราบ
กรรมกรนั้นกราบทูลว่า ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ก็ไม่เป็นไร พระพุทธเจ้าข้า ผล
พุทราข้าพระพุทธเจ้าจัดเตรียมไว้มาก อาหารที่เป็นเครื่องดื่มเจือด้วยผลพุทรา
จักบริบูรณ์.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับนิมนต์โดยดุษณีภาพ ครั้นเขาทราบการรับ
นิมนต์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ลุกจากที่นั่งถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทำประทักษิณหลีกไปแล้ว ภิกษุทั้งหลายทราบข่าวว่า กรรมกรเข็ญใจผู้หนึ่ง

นิมนต์ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข เพื่อฉันในวันพรุ่งนี้ อาหารที่
เป็นเครื่องดื่มเจือด้วยผลพุทราจักบริบูรณ์ เธอจึงเที่ยวบิณฑบาตฉันเสียแต่เช้า
ชาวบ้านทราบข่าวว่า กรรมกรเข็ญใจผู้หนึ่งได้นิมนต์ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้า
เป็นประมุข เขาจึงนำของเคี้ยวของฉันเป็นอันมากไปช่วยกรรมกรเข็ญใจ ส่วน
กรรมกรเข็ญใจผู้นั้น สั่งให้ตกแต่งขาทนียโภชนียาหารอันประณีต โดยล่วง
ราตรีนั้น แล้วให้ไปกราบทูลภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ได้เวลาแล้ว
พระพุทธเจ้าข้า ภัตตาหารเสร็จแล้ว.
ขณะนั้นแลเป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอันตรวาสกแล้ว
ทรงบาตรจีวร เสด็จไปยังที่อยู่ของกรรมกรเข็ญใจผู้นั้น ประทับนั่งเหนือ
พุทธอาสน์ที่เขาจัดถวายพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จึงกรรมกรเข็ญใจผู้นั้นอังคาส
ภิกษุทั้งหลายในโรงภัตตาหาร.
ภิกษุทั้งหลายพากัน กล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส จงถวายแต่น้อยเถิด จง
ถวายแต่น้อยเถิด.
กรรมกรกราบเรียนว่า พระคุณเจ้าทั้งหลาย โปรดอย่าเข้าใจว่า
กระผมนี้เป็นกรรมกรเข็ญใจ แล้วรับแต่น้อย ๆ เลยเจ้าข้า ของเคี้ยวของฉัน
กระผมได้จัดหาไว้มากมาย ขอพระคุณเจ้าทั้งหลายได้โปรดเรียกร้องตาม
ประสงค์เถิด เจ้าข้า.
ภิกษุทั้งหลายตอบว่า พวกฉันขอรับแค่น้อย ๆ มิใช่เพราะเหตุนั้นเลย
เพราะพวกฉันเที่ยวบิณฑบาตฉันมาแต่เช้าแล้วต่างหาก ฉะนั้น พวกฉันจึงขอ
รับแต่น้อย ๆ.

ลำดับนั้นแล กรรมกรเข็ญใจผู้นั้นจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉนพระคุณเจ้าผู้เจริญทั้งหลาย อันข้าพเจ้านิมนต์ไว้แล้ว จึงได้ฉันเสียในที่
อื่นเล่า ข้าพเจ้าไม่สามารถจะถวายให้เพียงพอแก่ความต้องการหรือ.
ภิกษุทั้งหลายได้ยินเขาเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็น
ผู้มักน้อย. . .ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ภิกษุทั้งหลายรับนิมนต์ไว้
ในที่แห่งหนึ่ง แล้วไฉนจึงได้ฉัน เสียในที่อีกแห่งหนึ่งเล่า แล้ว กราบทูลเรื่อง
นั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่า พวกภิกษุรับนิมนต์ไว้ในที่แห่งหนึ่งแล้ว ฉันเสียในที่อีกแห่งหนึ่ง
จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โมฆบุรุษ
เหล่านั้น รับนิมนต์ไว้ในที่แห่งหนึ่งแล้ว ไฉนจึงได้ฉัน ในที่อีกแห่งหนึ่งเล่า
การกระทำของโมฆบุรุษพวกนั้นนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่
ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้
ว่าดังนี้ :-

พระบัญญัติ


82. 3. ก. เป็นปาจิตตีย์ เพราะโภชนะทีหลัง.
ก็สิกขาบทนี้ ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติแล้ว แก่ภิกษุ
ทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้.
เรื่องบุรุษเข็ญใจ จบ

เรื่องคิลานสมัย


[487] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธ ภิกษุอีกรูปหนึ่ง
นำบิณฑบาตเข้าไปถวายภิกษุผู้อาพาธนั้น แล้วได้กล่าวว่า อาวุโส นิมนต์
ฉันเถิด.
ภิกษุอาพาธปฏิเสธว่า ไม่ต้อง อาวุโส ความหวังจะได้ภัตตาหารของ
ผมมีอยู่.
พอเวลาสาย ทายกนำบิณฑบาตมาถวายภิกษุอาพาธนั้น เธอฉันไม่ได้
ตามที่คาดหมาย ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
ทรงอนุญาตให้ฉันโภชนะทีหลัง
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็น
เค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุอาพาธฉันโภชนะทีหลังได้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนั้น
ว่าดังนี้

พระอนุบัญญัติ 1


82. 3. ข. เว้นไว้แต่สมัย เป็นปาจิตตีย์ เพราะโภชนะทีหลัง
นี้สมัยในเรื่องนั้น คือ คราวเป็นไข้ นี้สมัยในเรื่องนั้น.